จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

วันอังคารที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2562

ติดตั้งผ้าม่าน

***บริการติดตั้งผ้าม่าน***

ผ้าม่านผ้าทึบแสง ผ้าโปร่ง รูปแบบต่างๆ ได้แก่ ผ้าม่านจีบ ผ้าม่านรางโชว์ ผ้าม่านรางตัวเอ็ม ผ้าม่าน
ม่านม้วน มีให้เลือกใช้3ชนิด คือ ดิมเอ้าท์ แบล็กเอ้าท์ ซันสกรีน
ม่านปรับแสง ผลิตจากใยสังเคาะห์
.มู่ลี่อลูมิเนียม และ มู่ลี่ไม้ ขนาดใบ 25มม.,35มม. และ 50 มม.
ม่านไม้ไผ่มหาสารคาม ทั้งแบบพับและม้วนหลากลายลาย
วอลล์เปเปอร์ลายไทย สำหรับแต่งร้านอาหารไทย
ฉากกั้นห้อง.ผลิตจากพีวีซีมีให้เลือกทั้งรุ่นทึบ รุ่นเจาะช่องแสง และ ฉากแบบญี่ปุ่นราวผ้าม่านและ อุปกรณ์ผ้าม่านอื่นๆ
ผ้าม่าน (Curtain)



          สนใจใช้บริการหรือสอบถาม กดเลย         



ร้านผ้าม่าน

ปัจจุบันผ้าม่าน ถือเป็นองค์ประกอบหนึ่งที่ทำให้บ้านออกมาดู
ดี มีสไตล์ ด้วยตัวผ้าม่านที่มีความหลากหลาย แถมตัวแบบผ้าม่านยังแบ่งได้อีกหลายชนิด ผ้าม่านแต่ละชนิดจึงมีเอกลักษณ์ที่โดดเด่นแตกต่างกันออกไป
 ความชอบส่วนตัวในการเลือกผ้าม่าน จึงช่วยสะท้อนตัวตนของผู้อยู่อาศัยได้เป็นอย่างดี
ผ้าสำหรับใช้ทำผ้าม่านมีแบบไหนบ้าง?
1. ผ้าม่านธรรมดา ลักษณะของเนื้อผ้าม่านที่ใช้ จะเป็นใยผ้าธรรมชาติ เช่น ผ้า Cotton เนื้อผ้าม่านชนิดนี้ จึงมีแสงทะลุผ่านได้ค่อนข้างเยอะ
ผ้าม่านแบบธรรมดาจะโดดเด่นด้านลวดลายและสีสันบนตัวผ้า ที่หลากหลายมากกว่าผ้าม่านกันแสงแบบ Dimout แต่ประโยชน์ด้านการกันแสง
 จะสู้ผ้าม่านแบบกันแสงโดยตรงไม่ได้
2. ผ้าม่านกันแสง ลักษณะของเนื้อผ้าม่านส่วนใหญ่เป็นผ้าใยสังเคราะห์ เช่น Polyester
ปัจจุบันด้วยลักษณะการทอผ้าม่านกันแสงแบบพิเศษที่มีเส้นด้ายสีดำ ทำให้ผ้าม่านกันแสงแบบ Dimout
สามารถช่วยกันแสงที่ส่องเข้ามาในห้องได้มากถึง 80-95% (สีของผ้าม่านจะมีผลต่อปริมาณแสงที่ส่องผ่านเข้ามาในห้องโดยตรง)

 แต่สีของผ้าม่านชนิดนี้ส่วนใหญ่เป็นสีพื้น ด้านลวดลายและลูกเล่นต่างๆ บนตัวผ้าม่านจะมีน้อยกว่าผ้าม่านแบบธรรมดามาก
ผ้าม่านกันแสง (Blackout) ลักษณะของเนื้อผ้าม่านกันแสงชนิดนี้ จะมีด้วยกันหลายประเภท ทั้งแบบที่เป็น PVC
และแบบผ้าใยสังเคราะห์ผสม สามารถช่วยลดความร้อนและรังสียูวีที่ส่องผ่านเข้ามาในห้องได้แบบ 100% ผ้าม่านกันแสงชนิดนี้ใช้ซับหลังเท่านั้น
 (เป็นผ้าม่าน 2 ขิ้นแนบติดกัน) นอกจากนี้ผ้าซับหลังบางตัวยังมีคุณสมบัติพิเศษในการป้องกันการลามไฟอีกด้วย
ผ้าม่านโปร่ง (Sheer Fabric) ลักษณะของเนื้อผ้าม่านโปร่งที่ใช้ จะเป็นผ้าใยสังเคราะห์ เช่น Polyester
 เนื้อของผ้าม่านโปร่ง เป็นผ้าเนื้อบาง ช่วยพรางสายตาและเพิ่มความเป็นส่วนตัวจากภายนอก แต่ยังคงเห็นทิวทัศน์จากนอกหน้าต่างได้อย่างไม่อึดอัด
ผ้าม่านโปร่งยังช่วยเพิ่มความสวยงาม และทำให้บรรยากาศแสงภายในห้องดูนุ่มนวล สบายตา
แบบผ้าม่านแบ่งได้กี่ชนิด?
หลังจากได้รู้จักกับเนื้อผ้าที่ใช้กันไปแล้ว มาดูในส่วนของแบบผ้าม่านกันบ้าง นอกจากเนื้อผ้า สีสัน หรือลวดลายแล้ว

 แบบผ้าม่านก็ถือเป็นสิ่งที่สำคัญที่จะต้องเลือกให้เหมาะกับพื้นที่ เพื่อให้สามารถใช้งานได้อย่างเหมาะสม สวยงาม ซึ่งแบบผ้าม่านที่แตกต่างกัน
ก็จะให้อารมณ์ของห้องที่แตกต่างกันออกไปด้วยนะ! สำหรับแบบผ้าม่านนั้น สามารถแบ่งออกคร่าวๆ ได้ดังต่อไปนี้
ม่านจีบ ม่านจีบถือเป็นผ้าม่านที่พบเห็นได้ทั่วไป และได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก สามารถนำไปตกแต่งในทุกๆ สถานที่ได้อย่างลงตัว

ไม่ว่าจะเป็นแต่งบ้าน หรือแต่งคอนโด รูปแบบผ้าม่านให้ความรู้สึกเรียบง่าย ดูดี สวยงาม ลงตัวกับผ้าม่านทุกเฉดสี ตัวผ้ามีการจับหัวผ้าม่านด้านบนเป็นจีบเล็กๆ 3 จีบ ดูเป็นเอกลักษณ์ มีลอนผ้าที่สวยงาม

ติดตั้งผ้าม่านนครพนม
ติดตั้งผ้าม่านบึงกาฬ
ติดตั้งผ้าม่านสกลนคร
ติดตั้งผ้าม่านมุกดาหาร
ติดตั้งผ้าม่านอุบลราชธานี
ติดตั้งผ้าม่านหนองคาย
ติดตั้งผ้าม่านอำนาจเจริญ
ติดตั้งผ้าม่านหนองบัวลำภู
ติดตั้งผ้าม่านศรีสะเกษ
ติดตั้งผ้าม่านอุดรธานี
ติดตั้งผ้าม่านยโสธร
ติดตั้งผ้าม่านเลย
ติดตั้งผ้าม่านกาฬสินธุ์
ติดตั้งผ้าม่านร้อยเอ็ด
ติดตั้งผ้าม่านมหาสารคาม
ติดตั้งผ้าม่านสุรินทร์
ติดตั้งผ้าม่านขอนแก่น
ติดตั้งผ้าม่านอำนาจเจริญ
ติดตั้งผ้าม่านบุรีรัมย์
ติดตั้งผ้าม่านชัยภูมิ
ติดตั้งผ้าม่านโคราชนครราชสีมา
ติดตั้งผ้าม่านเชียงใหม่
ติดตั้งผ้าม่านเพชรบูรณ์
ติดตั้งผ้าม่าน-เชียงราย
ติดตั้งผ้าม่านแม่ฮ่องสอน
ติดตั้งผ้าม่านพะเยา
ติดตั้งผ้าม่านลำพูน
ติดตั้งผ้าม่านน่าน
ติดตั้งผ้าม่านลำปาง
ติดตั้งผ้าม่านพิษณุโลก
ติดตั้งผ้าม่านแพร่
ติดตั้งผ้าม่านอุตรดิตถ์
ติดตั้งผ้าม่านตาก
ติดตั้งผ้าม่านกำแพงเพชร
ติดตั้งผ้าม่านพิจิตร
ติดตั้งผ้าม่านนครสวรรค์
ติดตั้งผ้าม่านอุทัยธานี
ติดตั้งผ้าม่านชัยนาท
ติดตั้งผ้าม่านลพบุรี
ติดตั้งผ้าม่านสิงห์บุรี
ติดตั้งผ้าม่านสุโขทัย
ติดตั้งผ้าม่านปราจีนบุรี
ติดตั้งผ้าม่านสระบุรี
ติดตั้งผ้าม่านนครนายก
ติดตั้งผ้าม่านนครปฐม
ติดตั้งผ้าม่านอ่างทอง
ติดตั้งผ้าม่านราชบุรี
ติดตั้งผ้าม่านสุพรรณบุรี
ติดตั้งผ้าม่านอยุธยา
ติดตั้งผ้าม่านสมุทรสงคราม
ติดตั้งผ้าม่านสมุทรปราการ
ติดตั้งผ้าม่านสมุทรสาคร
ติดตั้งผ้าม่านสระแก้ว
ติดตั้งผ้าม่านตราด
ติดตั้งผ้าม่านจันทบุรี
ติดตั้งผ้าม่านระยอง
ติดตั้งผ้าม่านชลบุรี
ติดตั้งผ้าม่านฉะเชิงเทรา
ติดตั้งผ้าม่านเพชรบุรี
ติดตั้งผ้าม่านชุมพร
ติดตั้งผ้าม่านระนอง
ติดตั้งผ้าม่านสุราษฎร์ธานี
ติดตั้งผ้าม่านนครศรีธรรมราช
ติดตั้งผ้าม่านพังงา
ติดตั้งผ้าม่านกระบี่
ติดตั้งผ้าม่านตรัง
ติดตั้งผ้าม่านพัทลุง
ติดตั้งผ้าม่านภูเก็ต
ติดตั้งผ้าม่านสงขลา
ติดตั้งผ้าม่านคลองตัน
ติดตั้งผ้าม่านจรัญสนิทวงศ์
ติดตั้งผ้าม่านดาวคะนอง
ติดตั้งผ้าม่านดินแดง
ติดตั้งผ้าม่านธนบุรี
ติดตั้งผ้าม่านนวนคร
ติดตั้งผ้าม่านนวลจันทร์
ติดตั้งผ้าม่านบางนา
ติดตั้งผ้าม่านปทุมวัน
ติดตั้งผ้าม่านประชาชื่น
ติดตั้งผ้าม่านประตูน้ำ
ติดตั้งผ้าม่านปิ่นเกล้า
ติดตั้งผ้าม่านพระราม 2
ติดตั้งผ้าม่านพระราม 9
ติดตั้งผ้าม่านเพชรเกษม
ติดตั้งผ้าม่านรัชดาภิเษก
ติดตั้งผ้าม่านรัชโยธิน
ติดตั้งผ้าม่านรามคำแหง
ติดตั้งผ้าม่านวังหิน
ติดตั้งผ้าม่านวัชพล
ติดตั้งผ้าม่านสะพานควาย
ติดตั้งผ้าม่านสาธุประดิษฐ์
ติดตั้งผ้าม่านสามเสน
ติดตั้งผ้าม่านสีลม
ติดตั้งผ้าม่านสุขาภิบาล
ติดตั้งผ้าม่านสุขุมวิท
ติดตั้งผ้าม่านสุทธิสาร
ติดตั้งผ้าม่านอนุเสาวรีย์ชัย
ติดตั้งผ้าม่านอ่อนนุช
ติดตั้งผ้าม่านปากเกร็ด
ติดตั้งผ้าม่านบางใหญ่
ติดตั้งผ้าม่านคลองหลวง
ติดตั้งผ้าม่านธัญบุรี
ติดตั้งผ้าม่านลาดหลุมแก้ว
ติดตั้งผ้าม่านลำลูกกา
ติดตั้งผ้าม่านสามโคก
ติดตั้งผ้าม่านหนองเสือ
ติดตั้งผ้าม่านกระทุ่มแบน
ติดตั้งผ้าม่านบางพลี
ติดตั้งผ้าม่านบางบ่อ
ติดตั้งผ้าม่านพระประแดง
ติดตั้งผ้าม่านพุทธมณฑล
ติดตั้งผ้าม่านสามพราน
ติดตั้งผ้าม่านเมืองหัวหิน
ติดตั้งผ้าม่านบางรัก 
ติดตั้งผ้าม่านสาธร 
ติดตั้งผ้าม่านเซนส์หลุยส์ 
ติดตั้งผ้าม่านสาธุประดิษฐ์   
ติดตั้งผ้าม่านบางแค     
ติดตั้งผ้าม่านภาษีเจริญ   
ติดตั้งผ้าม่านปิ่นเกล้า   
ติดตั้งผ้าม่านจรัญ 
ติดตั้งผ้าม่านบรมราชชนนี 
ติดตั้งผ้าม่านบางพลัด 
ติดตั้งผ้าม่านบางอ้อ 
ติดตั้งผ้าม่านบางกอกน้อย 
ติดตั้งผ้าม่านบางกอกใหญ่     
ติดตั้งผ้าม่านคลองสาน   
ติดตั้งผ้าม่านอิสรภาพ 
ติดตั้งผ้าม่านสาธร 
ติดตั้งผ้าม่านสวนผัก 
ติดตั้งผ้าม่านทุ่งมังกร       
ติดตั้งผ้าม่านราชพฤกษ์       
ติดตั้งผ้าม่านชัยพฤกษ์   
ติดตั้งผ้าม่านกัลปพฤกษ์ 
กาญจนาภิเษก   
ติดตั้งผ้าม่านพุทธมลฑล
ติดตั้งผ้าม่านพระราม 2   
ติดตั้งผ้าม่านท่าพระ
ติดตั้งผ้าม่านรัชดาภิเษก     
ติดตั้งผ้าม่านพระราม 3 
ซ.วัดลาดปลาดุก 
ติดตั้งผ้าม่านแม้นศรี   
ติดตั้งผ้าม่านราษฎร์บูรณะ 
ติดตั้งผ้าม่านดาวคะนอง   
ติดตั้งผ้าม่านตลาดพลู       
ติดตั้งผ้าม่านพญาไท 
ติดตั้งผ้าม่านเจริญ 
ติดตั้งผ้าม่านปทุมวัน
ติดตั้งผ้าม่านมาบุญครอง 
ติดตั้งผ้าม่านสยาม 
ติดตั้งผ้าม่านศรีย่าน
ติดตั้งผ้าม่านเทเวศน์   
ทวีวัฒนา   
ติดตั้งผ้าม่านบางนา   
ติดตั้งผ้าม่านสี่แยกทศกันต์     
ติดตั้งผ้าม่านตลิ่งชัน   
ติดตั้งผ้าม่านสุขุมวิท   
ติดตั้งผ้าม่านประตูน้ำ   
ติดตั้งผ้าม่านวุฒากาศ   
ติดตั้งผ้าม่านจอมทอง     
ติดตั้งผ้าม่านท่าเกษตร
ติดตั้งผ้าม่านบางแวก 
ติดตั้งผ้าม่านบางหว้า 
ติดตั้งผ้าม่านวงเวียนใหญ่
ติดตั้งผ้าม่านลาดหญ้า   
ติดตั้งผ้าม่านสำราญราษฎร์   
ติดตั้งผ้าม่านเสาชิงช้า     
ติดตั้งผ้าม่านสาธุประดิษฐ์       
ติดตั้งผ้าม่านซ.วัดลาดปลาดุก     
ติดตั้งผ้าม่านซ.วัดศรีประวัติ 
ติดตั้งผ้าม่านสมเด็จเจ้าพระยา 
ติดตั้งผ้าม่านเจริญนคร 
ติดตั้งผ้าม่านเพชรเกษม     
ติดตั้งผ้าม่านบางรัก
ติดตั้งผ้าม่านยานนาวา   
ติดตั้งผ้าม่านเอกชัย   
ติดตั้งผ้าม่านกำนันแม้  
ติดตั้งผ้าม่านเทเวศน์     
ติดตั้งผ้าม่านเทอดไท     
ติดตั้งผ้าม่านบางขุนเทียน     
ติดตั้งผ้าม่านท่าข้าม   
ติดตั้งผ้าม่านบาง
ติดตั้งผ้าม่านสุขสวัสดิ์ 
ติดตั้งผ้าม่านทุ่งครุ   
ติดตั้งผ้าม่านประชาอุทิศ             
ติดตั้งผ้าม่านลาพร้าว   
ติดตั้งผ้าม่านอนุสาวรีย์ชัย       
ติดตั้งผ้าม่านซ.อารีย์สัมพันธุ์         
ติดตั้งผ้าม่านอ้อมน้อย     
ติดตั้งผ้าม่านอ้อมใหญ่       
ติดตั้งผ้าม่านมหาชัย         
ติดตั้งผ้าม่านคลองขวาง     
ติดตั้งผ้าม่านบางมด 
ติดตั้งผ้าม่านหนองเเขม

‘เห็ดถั่งเช่า’ สมุนไพรสรรพคุณเยอะ กิโลกรัมหลักหมื่น!!





‘เห็ดถั่งเช่า’ สมุนไพรสรรพคุณเยอะ กิโลกรัมหลักหมื่น!!เห็ดถั่งเช่า สมุนไพรสรรพคุณเยอะ กิโลกรัมหลักหมื่น

อดีตมนุษย์เงินเดือน หันมาเพาะ ‘เห็ดถั่งเช่า’ เห็ดสมุนไพรมากสรรพคุณ ราคาสูงถึงกิโลกรัมละ 6 หมื่นบาท
หากพูดถึง ‘เห็ดถั่งเช่า‘ ณ เวลานี้คงไม่มีใครไม่รู้จัก ซึ่งต้องยอมรับว่าเห็ดสายพันธุ์นี้กำลังเป็นที่นิยมอย่างกว้างขวางสำหรับเกษตรกรรุ่นใหม่ และกลุ่มคนที่รักสุขภาพ ซึ่งถ้าย้อนกลับไปเมื่อ 5-6 ปี ที่แล้ว เห็ดสายพันธุ์นี้ในประเทศไทยหากมีใครเอ่ยชื่อนี้ก็คงจะงงกันเป็นแถว
เห็ดถั่งเช่า‘ นั้น เป็นเห็ดสมุนไพรที่เลื่องลือในเรื่องของสรรพคุณนานาชนิด โดยหลักๆแล้วจะช่วยในเรื่องของระบบการไหลเวียนโลหิตให้ดีขึ้น ช่วยแก้อาการอ่อนล้าอ่อนเพลียของร่างกาย แก้ภูมิแพ้ บำรุงและช่วยเพิ่มประสิทธิในการทำงานของตับและไต และอื่นๆอีกมากมาย ซึ่งแหล่งกำเนิดมาจากทิเบต ประเทศจีน
จากในสถานการณ์ปัจจุบันเป็นที่ทราบกันดีว่าคนส่วนใหญ่เริ่มหันมาสนใจดูแลสุขภาพตัวเองมากยิ่งขึ้น หลีกเลี่ยงสารที่เป็นอันตราย และหันมาใช้ของดีจากธรรมชาติ จึงปฏิเสธไม่ได้ว่า ‘เห็ดถั่งเช่า’ เป็นตัวเลือกอันดับต้นๆ ที่คนยุคนี้พูดถึงเพราะด้วยราคาที่แพงตกกิโลกรัมกว่า 60,000 บาท
วันนี้ MThaiNews ในช่วง ‘เกษตรสร้างรายได้‘ มีโอกาสได้เดินทางไปที่ ‘สุนันทาฟาร์ม เห็ดถั่งเช่า‘ ของคุณสุนันทา ลือวนิชวงศ์ อายุ 34 ปี และคุณอนุชิต สงวนน้อย อายุ 29 ปี ตั้งอยู่ภายใน เรวดีซอย 4 อ.เมือง จ.นนทบุรี ซึ่งเพาะ ‘เห็ดถั่งเช่าสีทอง’ จำหน่ายทั้งปลีกและส่ง โดยวันนี้ทางเจ้าของฟาร์มจะเปิดเผยถึงข้อมูลและเทคนิคดีๆในการทำเพาะเลี้ยงเห็ดถั่งเช่าให้กับผู้อ่านทุกท่านได้ติดตามกัน
โดยคุณสุนันทา เปิดเผยว่าแต่ก่อนนั้นก็เป็นมนุษย์เงินเดือนตามวิถีชีวิตของคนที่เรียนจบใหม่แล้วหางานทำ แต่ด้วยส่วนตัวเป็นคนที่ชื่นชอบและใส่ใจเรื่องสุขภาพ ประกอบกับภายในครอบครัวประสบปัญหาเรื่องสุขภาพกัน จึงหันมาศึกษาและได้พบกับ ‘เห็ดถั่งเช่า’ ซึ่งพบว่าเห็ดชนิดนี้มีสรรพคุณที่ดีต่อร่างกายอย่างมากมาย จากการทดลองทาน (แบบชงดื่ม) ก็เห็นผลชัดเจน จึงเริ่มศึกษาจากในอินเตอร์เน็ต ร่วมทั้งไปฝึกอบรมกับทางฟาร์มเลี้ยงของผู้เชี่ยวชาญต่างๆ จนมั่นใจ
หลังจากนั้นได้เริ่มติดต่อนำเชื้อเห็ดถั่งเช่าโดยสั่งนำเข้ามาจากประเทศเกาหลีใต้ในราคาประมาณ 10,000 บาท ก็ได้เริ่มทดลองเพาะจนมีผลผลิตมากขึ้น จึงตัดสินใจออกจำหน่ายโดยเริ่มจากช่องทางสื่อออนไลน์ต่างๆ ทั้งเว็บไซต์ เฟซบุ๊ก จนมีคนสนใจเป็นจำนวนมาก สุดท้ายจึงตัดสินใจลาออกจากงานเพื่อมุ่งมาที่การทำเห็ดถั่งเช่าอย่างเต็มตัว
โดยกระบวนการเพาะเห็ดถั่งเช่านั้นแบ่งง่ายๆเป็น 6 ระยะ ซึ่งกระบวนการต่างๆก็จะวนเวียนเช่นเดิม โดยขั้นตอนแรกให้เตรียมเชื้อพันธุ์ หรือหากใครมีตัวเห็ดถั่งเช่าอยู่แล้วให้ตัดดอกเห็ดประมาณ 1 เซนติเมตร นำไปแปะไว้ในขวดแก้ว ก็จะได้เชื้อวุ้นหรือที่เรียกกันว่า PDA จะใช้เวลาประมาณ 2 สัปดาห์ หลังจากได้เชื้อวุ้นแล้วก็ตัดมาตัดเป็นชิ้นเล็กๆ เพื่อเตรียมพร้อมสู่ขึ้นตอนการปั่นเชื้อ ซึ่งในขั้นตอนนี้จะใช้ส่วนผสมจากน้ำต้มมันฝรั่ง น้ำตาลทรายแดง และเป๊ปโตนยีส นำมาผสมรวมกันและใส่เชื้อวุ้นลงไป โดยจะปั่นเป็นเวลา 2 สัปดาห์ เพื่อให้เกิดการแตกตัวของเนื้อเยื้อ

ลำดับการเจริญเติบโตของเห็ดถั่งเช่า

หลังจากปั่นเชื้อเสร็จแล้ว ให้เตรียมกระบวนการต่อไปโดยใช้ข้าวกล้องนึ่งสุกใส่ไว้ในขวดแก้วโดยทางฟาร์มจะใช้ขนาด 16 ออนซ์ โดยใส่ข้าวกล้องลงไปเป็นฐานล่าง พร้อมนำเชื้อเห็ดที่ปั่นเสร็จแล้วมาหยอดใส่ในปริมาณ 5 มิลลิลิตร ให้ทั่วขวด หลังจากนั้นให้เก็บไว้ในห้องมืดเพื่อให้เส้นใยเห็ดได้มีเวลาในการเดินกินสารอาหาร หลังจากนั้นประมาณ 2 สัปดาห์ นำออกมาให้แสงเพื่อกระตุ้นให้ออกดอก และสร้างสารสำคัญทางยาอีกด้วย โดยต้องควบคุมอุณหภูมิให้อยู่ประมาณ 18 – 22 องศาเซลเซียส และปลอดเชื้อโดยที่ฟาร์มจะมีการเซตระบบแอร์ไว้ 2 เครื่องเปิดและปิดสลับกัน พร้อมมีเครื่องฆ่าเชื้อ หลังจากนั้นประมาณ 3-4 สัปดาห์ ก็สามารถเก็บเกี่ยวได้แล้ว รวมแล้วจะใช้ระยะเวลาประมาณ 60-70 วัน ทั้งนี้เน้นย้ำว่าการเพาะเห็ดถั่งเช่าทุกขั้นตอนนั้น ต้องสะอาดและปลอดเชื้อรวมทั้งควบคุมอุณหภูมิให้อยู่ในเกินที่เหมาะสม เท่านี้ก็จะได้ผลผลิตตามที่ต้องการแล้ว
หลังจากตัดดอกเห็ดเรียบร้อยแล้วก็จะนำไปอบแห้งและฉายรังสีฆ่าเชื้อพร้อมบรรจุขาย ซึ่งราคาปัจจุบันกิโลกรัมละประมาณ 60,000 บาท โดยทางฟาร์มสามารถผลิตได้เดือนละ 10 กิโลกรัม ซึ่งผลผลิตทั้งหมดยังผ่านการรับรองจากหน่วยงานต่างๆ อย่างถูกต้อง นอกจากนี้ทางฟาร์มยังมีการแปรรูปผลิตภัณฑ์จากเห็ดถั่งเช่าเป็นสบู่ล้างหน้า
สำหรับใครที่สนใจอยากจะเพาะเลี้ยงเห็ดถั่งเช่า คุณสุนันทา แนะนำว่าควรศึกษาข้อมูลให้ดีก่อน และสิ่งสำคัญต้องมีใจรักด้านสุขภาพ ไม่ใช่เพียงเพราะว่าเป็นที่พืชสมุนที่มีราคาสูงแล้วก็เพาะไปตามกระแส ก็อาจไม่ประสบความสำเร็จได้ ซึ่งเน้นย้ำว่าควรเริ่มจากการเพาะเลี้ยงเล็กๆ ไว้ทานภายในครอบครัวก่อน สถานที่เลี้ยงง่ายๆ ใกล้ตัว อาจจะเริ่มจากภายในตู้เย็น หรือกล่องโฟม ก็ได้เช่นกัน
อย่างไรก็ตามหากใครที่สนใจอยากสั่งซื้อเห็ดถั่งเช่า หรืออยากศึกษาการเพาะเลี้ยง สามารถเดินทางไปได้ที่ ‘สุนันทาฟาร์ม เห็ดถั่งเช่า’ เรวดีซอย 4 อ.เมือง จ.นนทบุรี หรือโทรสอบถามได้ที่เบอร์ 081-866-3882 คุณสุนันทา ลือวนิชวงศ์
ภาพและบทความโดย ธเนตร พุทธิตระกูล

เชื้อวุ้น PDA
การปั่นเนื้อเยื้อ


เห็ดถั่งเช่าสีทอง


การเพาะเลี้ยงเห็ดถั่งเช่าในกล่องโฟม


เกษตรเมืองพะเยา ปลูกหม่อนเลี้ยงไหมสร้างรายได้งาม







ชาวบ้านในพื้นที่หมู่ที่ 20 ตำบลร่มเย็น อำเภอเชียงคำ จังหวัดพะเยา ร่วมกันสานต่ออาชีพปลูกหม่อนเลี้ยงไหม หลังได้รับที่ดินพระราชทานเมื่อปี พ.ศ 2516
เมื่อวันที่ 17 ต.ค. 60 กลุ่มผู้ปลูกหม่อนเลี้ยงไหมในพื้นที่หมู่ที่ 20 ต.ร่มเย็น อ.เชียงคำ จ.พะเยา นำผู้สื่อข่าวเข้าดูแปลงปลูกหม่อน ที่ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงพระราชทานที่ดิน ทำกินให้ เมื่อปี 2516 ครั้งเสด็จพระราชดำเนิน มาแก้ไขปัญหาให้พี่น้องประชาชนชาวอำเภอเชียงคำ จังหวัดพะเยา ในครานั้นโดยได้มีการส่งเสริมให้ชาวบ้าน ในพื้นที่ทำการปลูกหม่อนเลี้ยงไหม เพื่อเป็นการสร้างรายได้ โดยชาวบ้าน ก็ได้ร่วมมือกันที่จะทำการ ประกอบอาชีพที่พระองค์ท่านพระราชทานมาให้ เป็นระยะเวลายาวนาน ถึงแม้บางช่วงเวลาจะะล้มลุกคลุกคลาน แต่ชาวบ้านที่นี่ก็ยังคงยืนยันที่จะสืบสานอาชีพพระราชทานดังกล่าวไว้อย่างเหนียวแน่น
โดยนางเฉลา มูลยวรรณ ประธานกลุ่มผู้ปลูกหม่อนเลี้ยงไหม หมู่ที่ 20 ต.ร่มเย็น กล่าวว่า ในครานั้นพระองค์ท่านได้เสด็จพระราชดำเนินมาในพื้นที่อำเภอเชียงคำเมื่อปี 2516 และพวกเราได้นำผ้าไหมที่พวกเราทำการเลี้ยงและสาวไหมรวมทั้งทอเอง มอบให้กับพระองค์ท่าน พระองค์ท่านจึงได้ทำการส่งเสริมให้มีการปลูกหม่อนเลี้ยงไหมในพื้นที่โดยได้พระราชทานที่ดินทำกินให้ชาวบ้านและส่งเสริมอาชีพ ซึ่งถือว่าอาชีพปลูกหม่อนเลี้ยงไหมของที่นี่ถือเป็นอาชีพพระราชทาน
ชาวบ้านที่นี่จึงทำการสืบสานมามาเป็นระยะเวลายาวนานและไม่เคยทอดทิ้ง ถึงแม้บางช่วงเวลาจะล้มลุกคลุกคลานแต่พวกเราก็ยังคงรักษาอาชีพนี้ไว้ โดยแรกเริ่มจะทำการปลูกหม่อนเลี้ยงไหม สาวไหม ทอไหมเอง จากนั้นเลี้ยงขายรังไหม จากนั้นเลี้ยงจำหน่ายรังไหม จนล่าสุดชาวบ้านที่นี่สามารถลืมตาอ้าปากได้ เพราะมีการเลี้ยงไหมในลักษณะขายตัวไหม ซึ่งจะจำหน่ายกิโลกรัมละ 100 บาท ในแต่ละรอบซื่งจะใช้ระยะเวลาประมาณ 23 วันก็สามารถที่จะเก็บตัวไหมจำหน่ายได้ ซึ่งจะมีรายได้ประมาณ 25,000 บาท จากเดิมที่เคยทำเป็นอาชีพเสริมปัจจุบันถือว่าเป็นอาชีพหลัก และเราจะสืบสานอาชีพนี้ต่อไปจนกว่าชีวิตจะหาไม่

ชาวบ้านรวมตัวเลี้ยงผึ้งโพรง สร้างรายได้ปีละ 1 ล้านบาท


เลี้ยงผึ้งโพรงแปลงใหญ่จับขายได้ราคาดี โดยเฉพาะน้ำผึ้งเดือน 5 มีลูกค้าสั่งซื้อเข้ามาเป็นจำนวนมาก สามารถสร้างรายได้ให้กับชุมชนกว่า 1,000,000 บาทต่อปี
วันที่ 17 เมษายน 2561 นายประยูร หนูเหมือน อายุ 63 ปี ประธานวิสาหกิจชุมชนกลุ่มเลี้ยงผึ้งโพรงบ้านไสใหญ่ หมู่ที่ 7 ต.อ่าวตง อ.วังวิเศษ จ.ตรัง พร้อมสมาชิกจำนวน 49 คน ช่วยกันเก็บน้ำผึ้งจากลังผึ้งโพรง ซึ่งสมาชิกกลุ่มเลี้ยงไว้ตามบ้านรวมกันแล้วจำนวน 1,520 ลัง เพื่อส่งขายให้ทันกับความต้องการของลูกค้า ซึ่งส่วนใหญ่จะสั่งเป็นน้ำผึ้งสดๆ มีตั้งแต่ราคาขวดละ 100-500 บาท
   โดยเชื่อว่าน้ำผึ้งมีสรรพคุณทางยามากมาย ทั้งยังสามารถรักษาแผลน้ำร้อนลวกได้และยังช่วยบำรุงร่างกายให้สดชื่น ลดริ้วรอยเหี่ยวย่น โดยเป็น 1 อาหารที่ใช้ในการกวนข้าวมธุปายาสเพื่อถวายแด่พระพุทธเจ้าด้วย โดยเฉพาะน้ำผึ้งเดือน 5 ซึ่งมีลูกค้าสั่งซื้อเข้ามาเป็นจำนวนมาก
เนื่องจากเป็นช่วงหน้าแล้งจะทำให้รสชาติของน้ำผึ้งหวานเข้มข้นและสีสันสวยงามกว่าฤดูอื่น ซึ่งสมาชิกได้รวมกลุ่มกันเลี้ยงผึ้งโพรงในระบบส่งเสริมการเกษตรแปลงใหญ่เมื่อประมาณ 3 ปีที่ผ่านมา โดยสมาชิกแต่ละคนจะเลี้ยงผึ้งโพรงไว้ตั้งแต่ 30-100 ลัง และทยอยเก็บน้ำผึ้งได้ทุก 3 เดือน
และนอกจากจะขายเป็นน้ำผึ้งสดแล้ว ยังมีการแปรรูปเป็นสบู่ ครีมนวด แชมพู ยาหม่องและอื่น ๆ วางขายในกลุ่มวิสาหกิจชุมชนบ้านไสใหญ่ตลอดทั้งปี เพื่อให้นักท่องเที่ยวที่เข้ามาเที่ยวชมหมู่บ้าน ได้มีโอกาสซื้อผลิตภัณฑ์จากน้ำผึ้งกลับไปเป็นของฝากหรือของที่ระลึก สร้างรายได้ให้กับชุมชนกว่า 1,000,000 บาทต่อปี
นอกจากนี้ ยังมีการขายลังเลี้ยงผึ้ง การสอนวิธีการเลี้ยงผึ้งและการแปรรูปให้กับเกษตรกรที่สนใจ โดยผึ้ง 1 ลังจะเก็บน้ำผึ้งขวดใหญ่ได้ตั้งแต่ 3-7 ขวด ทำรายได้ให้กับกลุ่มวิสาหกิจชุมชนบ้านไสใหญ่ไม่ต่ำกว่า 20,000 บาทต่อคนต่อปี
ด้านนายประยูร หนูเหมือน ประธานวิสาหกิจชุมชนบ้านไสใหญ่ ต.อ่าวตง อ.วังวิเศษ จ.ตรัง กล่าวว่า ตนเลี้ยงผึ้งมาตั้งแต่ปี 2557 มีอยู่ประมาณ 30 ลังมีขายตั้งแต่ราคาขวดละ 100-500 บาท สร้างรายได้ปีที่แล้วกว่า 20,000 บาทเลยทีเดียว ซึ่งบางส่วนได้นำมาแปรรูปเป็นสบู่ แชมพู ครีมนวดและยาหม่องมีวางขายตลอดทั้งปี ส่วนใหญ่ลูกค้านิยมนำไปบริโภคสดเพราะเชื่อว่าเป็นสมุนไพร


‘มะยงชิด’ ผลไม้รสเลิศหนึ่งปีออกผลแค่ครั้งเดียว!!







‘เกษตรสร้างรายได้’ วันนี้พาไปทำความรู้จักกับต้น ‘มะยงชิด’ ผลไม้รสชาติอร่อยหนึ่งปีให้ผลผลิตครั้งเดียวเท่านั้น แถมมีราคาสูงกิโลกรัมถึงหลักร้อย!!!
เรียกได้ว่าช่วงเดือน ก.พ.-เม.ย. นี้ เหล่าคนที่ชื่นชอบทานผลไม้เฝ้าตั้งตารอ ‘มะยงชิด‘ กันอย่างใจจดใจจ่อ เนื่องจากเป็นผลไม้ที่หนึ่งปีจะออกให้ผลผลิตเพียงครั้งเดียวเท่านั้น หลายๆคนคงสงสัยว่าระหว่าง ‘มะปราง‘ กับ ‘มะยงชิด‘ มีความแตกต่างกันอย่างไรเพราะลักษณะต้นและลูกมันคล้ายๆกัน แต่เชื่อหรือไม่ว่าหากได้ลองลิ้มชิมรสชาติจะสามารถแยกแยะออกได้ทันที โดยมะปรางจะมีรสชาติหวาน ส่วนมะยงชิดจะมีรสชาติหวานอมเปรี้ยว ซึ่งหากลูกสุกกำลังกินจะมีรสชาติหวานกลมกล่อมติดเปรี้ยวนิดๆกำลังพอดี ซึ่งในปัจจุบันมะยงชิดมีการปลูกอย่างแพร่หลายในประเทศไทย
วันนี้ทาง MThaiNews ในช่วง ‘เกษตรสร้างรายได้‘ มีโอกาสได้เดินทางไปพบกับคุณเฉลิม พึ่งสาระ หรือผู้ใหญ่ตู่ เจ้าของ ‘สวนผู้ใหญ่ตู่’ ตั้งอยู่ตำบลบางเลน จ.นนทบุรี เป็นสวนทุเรียนนนท์ ในโครงการฟื้นฟูและอนุรักษ์สวนทุเรียนนนทบุรีอย่างยั่งยืน ประจำปี 2560 ซึ่งเป็นสวนทุเรียนแต่มีการปลูกต้น ‘มะยงชิด’ รอบคันสวนกว่า 40 ต้น ในพื้นที่ประมาณ 1 ไร่ 3 งาน
โดยผู้ใหญ่ตู่ เปิดเผยว่าจริงๆแล้ว สวนแห่งนี้เป็นสวนทุเรียนมาตั้งแต่รุ่นปู่ย่า-ตายาย กระทั่งช่วงก่อนปี 54 ก็มองว่าราคาทุเรียนเริ่มไม่ค่อยดีนัก จึงเริ่มนำกิ่งพันธุ์มะยงชิดมาปลูกบริเวณรอบคันสวน เนื่องจากราคาขายต่อกิโลกรัมสูงถึง 200-400 บาท จึงตัดสินใจปลูกเสริมไว้ ก่อนที่จะถูกน้ำท่วมหนักในปี 54 จนต้นทุเรียนและต้นไม้ชนิดอื่นๆ จมน้ำเสียหายนานร่วมหลายเดือน
ภายหลังน้ำลดก็ได้ตัดสินใจปลูกทุเรียนขึ้นมาใหม่ พร้อมกับปลูกต้นมะยงชิดไว้เช่นกัน แต่ด้วยความที่ต้นทุเรียนเป็นต้นไม้ที่โตช้าจึงยังไม่มีผลผลิตออกมา จนกระทั่งปี 57 ต้นมะยงชิดกลับติดดอกออกผลให้ผลผลิดอย่างมากมายในปีนั้นสามารถเก็บผลผลิตได้กว่า 1 ตัน จาก 40 กว่าต้นรอบสวน ส่งขายทั้งปลีกและส่งด้วยการบอกกันปากต่อ บางครั้งมีแม่ค้าต้องโทรสั่งจองกันล่วงหน้า
สำหรับเรื่องเทคนิคการปลูกนั้น ผู้ใหญ่ตู่บอกกับทีมข่าวว่า ต้นมะยงชิดนั้น เป็นต้นไม้ที่ทนทุกสภาพอากาศ แต่ด้วยนิสัยของมันแล้วจะชื่นชอบอากาศร้อนชิ้นมากกว่า เป็นพืชที่ทนต้องความร้อนและมีความแข็งแรงมาก จึงไม่ต้องบำรุงมากเท่าไร่นัก โดยจะหมั่นดูแลช่วงแตกใบอ่อนให้ระวังเรื่องหนอน ซึ่งจะป้องกันด้วยการพ่นยาประมาณ 2 ครั้ง ซึ่งหากพ้นช่วงนี้ไปได้ต้นก็จะแข็งแรงสมบูรณ์ จนกระทั่งช่วงกุมภาพันธ์ต้นก็จะเริ่มมีช่อดอกและออกเป็นลูกจากนั้นประมาณเดือนกว่าๆ ซึ่งระหว่างนั้นก็นั้นระวังเรื่องเพลี้ยไฟและแมลงวันทอง ก็สามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได้แล้ว ซึ่งต้องให้สุกคาต้นสีเหลืองอมส้ม โดยลูกของมันจะมีขนาดใหญ่กว่าไข่เป็ดเล็กน้อย ทั้งนี้จากเริ่มลงปลูกจะใช้ระยะเวลาประมาณ 3 ปีก็สามารถให้ผลผลิตได้แล้ว
ซึ่งหลังจากเก็บเกี่ยวผลผลิตหมดแล้วก็จะทำการตัดแต่งกิ่งพันธุ์ รวมทั้งบำรุงด้วยปุ๋ยคอก ส่วนการให้น้ำจะดูจากสภาพอากาศหากมีอากาศร้อนก็จะให้น้ำวันเว้นวัน นอกจากทุเรียน มะยงชิด ที่สวนของผู้ใหญ่ตู่ยังมีการปลูกพืชอีกหลากหลายชนิดอาทิกระท้อน พริก ฯลฯ ถือว่าเป็นอีกหนึ่งสวนที่มีการปลูกพืชแบบผสมผสาน
แต่อย่างไรก็ตามสำหรับปีนี้ที่สวนของผู้ใหญ่ตู่ ต้นมะยงชิดติดลูกน้อยกว่าปีก่อนๆอย่างมาก คาดว่าในสวนของผู้ใหญ่ตู่จะได้ผลผลิตประมาณ 100 กิโลกรัม ซึ่งจากที่สอบถามเพื่อนๆที่ปลูกมะยงชิดด้วยกัน ก็ต่างพากันบ่นว่าปีนี้มะยงชิดให้ผลผลิตน้อย โดยคาดว่าราคาในปีนี้อาจจะสูงขึ้นอย่างแน่นอน
ทั้งนี้หากใครที่สนใจอยากเข้าไปศึกษา หรือเลือกซื้อผลไม้ต่างๆ สามารถเดินทางไปได้ที่ ‘สวนผู้ใหญ่ตู่’ ต.บางเลน จ.นนทบุรี หรือโทรสอบถามได้ที่เบอร์ 081-400-4117 (คุณเฉลิม หรือ ผู้ใหญ่ตู่)
ภาพ/เนื้อหา โดย ธเนตร พุทธิตระกูล

มะยงชิด ขนาดใหญ่กว่าไข่เป็ด

เกษตรกรเมืองตรังปลูก ‘กะหล่ำปลี’ ปลอดสารพิษสร้างรายได้นับแสน

เกษตรกรเมืองตรังปลูก ‘กะหล่ำปลี’ ปลอดสารพิษสร้างรายได้นับแสน

เกษตรกรตรังปลูก ‘กะหล่ำปลี’ ใช้พื้นที่แค่ไร่เศษสร้างรายได้นับแสนบาท น้นปลูกผักหมุนเวียนแบบผสมผสาน สร้างรายได้ตลอดทั้งปี
วันนี้ MThaiNews ในช่วง เกษตรสร้างรายได้ ได้เดินทางไปที่ ‘สวนผักสุขรัก‘ ตั้งอยู่เลขที่ 92 หมู่ 3 ต.กะลาเส อ.สิเกา จ.ตรัง นางกัลยารัตน์ หมุนเวียน Young Smart Farmer ต้นแบบจังหวัดตรัง และครอบครัว ปลูกแปลงผักกะหล่ำปลี กะหล่ำดอกและผักใบเขียวมากมาย บนพื้นที่ไร่เศษ โดยเฉพาะกะหล่ำปลีในช่วงนี้จะตัดส่งขายให้กับกลุ่มลูกค้าที่รักสุขภาพ กิโลกรัมละ 50 บาท และกะหล่ำดอกก็กำลังออกดอกรอเก็บขายเช่นกัน
ด้านนางกัลยารัตน์ หมุนเวียน กล่าวว่า ตนเอง ไม่สามารถทานผักที่ซื้อมาจากท้องตลาดได้ เนื่องจากแพ้สารพิษที่ตกค้างในพืชผัก เลยต้องปลูกผักทานเอง แรกๆก็จะปลูกผักที่โตเร็วดูแลง่ายอย่างเช่น ผักบุ้ง ผักกวางตุ้ง แตงกวา เมื่อมีผลผลิตมากก็นำออกขายให้กับเพื่อนบ้าน
แต่ด้วยความรักและสนใจในผักเมืองเหนือที่มีความสวยงามอย่างกล่ำปลีที่มีลักษณะเหมือนดอกกุหลาบ ตนเองเลยให้เพื่อนที่อยู่จังหวัดเชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน ส่งเมล็ดพันธุ์มาทดลองปลูกปีแรก ไม่ประสบความสำเร็จ เลยศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมและทดลองปลูกใหม่จนประสบผลสำเร็จ และสามารถนำออกจำหน่ายได้
นอกจากนี้ที่สวนผักสุขรัก จะปลูกกะหล่ำปลี กะหล่ำดอกแล้วยังมีคะน้าหอม ผักกวางตุ้ง ผักกาดขาว ผักบุ้งฯ โดยจะปลูกหมุนเวียนกันไปตามฤดูกาล และต้องศึกษาว่าในช่วงอายุผักกี่วันที่เดือนถึงจะเก็บเกี่ยวได้ และจะได้ผลดีต้องปลูกช่วงฤดูกาลไหน
ทั้งนี้ สวนสุขรัก มีวิธีการดูแลและกำจัดศัตรูพืชด้วยระบบธรรมชาติด้วยการปล่อยให้หญ้าขึ้นในแปลงผักเพราะแมลงจะมากินดอกหญ้า ใช้น้ำหมักชีวภาพในการกำจัดศัตรูพืช และเป็นการให้ปุ๋ยไปในตัวด้วย นอกจากนี้จะใช้กาวดักแมลงแทนการใช้สารเคมีฉีดพ่น ในปีหนึ่งๆ ตนและครอบครัวจะมีรายได้จากการขายผักได้มากกว่า ปีละ 400,000 – 500,000 บาท เลยทีเดียว
ทั้งนี้กลุ่มลูกค้าหลักๆจะเป็นโรงเรียน ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก โรงพยาบาล เพราะเป็นผักปลดสารพิษ 100% ผักที่ปลูกในสวนสุขรักได้รับรองมาตรฐาน GAP จากกรมวิชาการเกษตรเป็นที่เรียบร้อย